เองเกิลส์ 1876
บ รรดานักเศรษฐศาสตร์การเมืองยืนยันว่าแรงงานคือแหล่งที่มาของทรัพย์สมบัติทั้งปวง และมันก็เป็นแหล่งที่มาจริง ๆ ถัดจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นผู้จัดหาวัตถุป้อนให้แรงงานดัดแปลงให้กลายเป็นทรัพย์สมบัติ แต่ทว่ายังมีความสำคัญมากมายกว่านี้ลิบลับ มันเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นของการดำรงอยู่ทั้งหมดของมนุษย์ทั้งหมด ถึงขนาดที่เราจำต้องกล่าวว่าใแง่หนึ่งแล้ว แรงงานสร้างมนุษย์เองขึ้นมาทีเดียวเป็นเวลาหลายแสนปีแล้ว ในยุคซึ่งยังกำหนดแน่ชัดลงไปไม่ได้ ในยุคประวัติศาสตร์ของโลกที่นักธรณีวิทยารู้จักกันว่ายุคTertiary [1] เป็นไปได้มากที่สุดว่าในยุคปลาย ๆ ของยุคนี้ มีลิงพันธุ์คน(anthropoid apes) [2] ที่มีพัฒนาการสูงเป็นพิเศษอาศัยอยู่ในเขตร้อนอาจจะเป็นไปได้ว่าในมหาทวีปซึ่งบัดนี้จมอยู่ในก้นมหาสมุทรอินเดียแล้ว ดาร์วินได้พรรนาให้เรารู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับบรรพบุรุษของเรานี้ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยขน มีเคราและใบหูแหลม อยู่กันเป็นฝูงตามต้นไม้
การปีนป่ายมอบหมายหน้าที่ให้กับมือและเท้าต่างกัน และเมื่อแบบวิถีชีวิตต้องเคลื่อนไหวไปมาบนพื้นดินราบ ลิงเหล่านี้ก็ค่อย ๆ เลิกนิสัยการใช้มือเดิน แล้วเริ่มตั้งลำตัวตรงมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นขั้นสำคัญในการกลายจากลิงมาเป็นคน
ลิงพันธุ์คล้ายคนทั้งหมดที่มีอยู่ขณะนี้สามารถยืนตัวตรงและเคลื่อนไหวไปมาโดยลำพังด้วยเท้าได้ก็แต่ในกรณีที่จำเป็นรีบด่วนแต่ก็ทำได้อย่างงุ่มง่าม ท่าทางเดินโดยธรรมชาติของมันทั่วไปเป็นแบบกึ่งลำตัวตั้งตรงและรวมถึงการใช้มือ ส่วนใหญ่เอาข้อมือวางลงบนพื้น พับขาขึ้น เหวี่ยงตัวผ่านลำแขนที่ยาวเหมือนกันกับคนพิการเคลื่อนตัวไปบนไม้ยันรักแร้ โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนในทางการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจากการเดินสี่ขามาเป็นการเดินสองขายังเห็นได้อยู่ในหมู่ลิงพันธุ์คล้ายคนทุกวันนี้ อย่างไรก็ดี ท่าทางเดินสองขานั้น เป็นแต่เพียงความสะดวกสบายชั่วครั้งชั่วคราวสำหรับพวกมันเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ก็เป็นเรื่องที่ต้องด้วยเหตุผลว่า ในเมื่อการเดินตัวตรงในหมู่บรรพบุรุษขนรุงรังของเราได้กลายเป็นสิ่งปกติและต่อมาเมื่อกาลเวลาผ่านไปก็กลายเป็นความจำเป็นเช่นนั้นแล้ว ในเวลาเดียวกันนั้นหน้าที่ต่าง ๆ นานาอื่น ๆ ก็ต้องพัฒนาขึ้นมากับมือของพวกเขาด้วย แม้ในหมู่ลิงพันธุ์คล้ายคนก็มีความแตกต่างบางประการอยู่ในลักษณะการใช้มือกับเท้า ในการปีนป่าย ดังที่กล่าวมาข้างต้นมือและเท้าใช้ต่างกัน มือใช้เก็บและถือผลไม้เป็นส่วนใหญ่ ทำนองเดียวกันกับที่อุ้งเล็บขาหน้าของสัตว์เลือดอุ่นชั้นต่ำใช้กัน ลิงพันธุ์คล้ายคนเป็นอันมากใช้มือของมันทำรังให้ตัวของมันเองบนต้นไม้กระทั่งทำหลังคาระหว่างกิ่งไม้ได้ด้วยเพื่อคุ้มตัวของมันให้พ้นจากดินฟ้าอากาศ ดังเช่นที่ลิงชิมแปนซีทำเป็นต้น มันใช้มือของมันฉวยดุ้นไม้เพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู และใช้มือขว้างผลไม้และก้อนหินไปที่ศัตรู เมื่ออยู่ในที่กักขัง มันใช้มือของมันทำงานง่าย ๆ จำนวนหนึ่งที่ลอกเลียนจากมนุษย์ ตรงนี้เองที่เรามองเห็นความแตกต่างมหาศาลระหว่างมือที่ไม่พัฒนาของลิงที่พันธุ์คล้ายคนมากที่สุด กับมือของมนุษย์ที่ถูกสร้างให้สมบูรณ์อย่างสูงสุดด้วยแรงงานในช่วงระยะเวลานับแสน ๆ ปีที่ผ่านมา จำนวนของกระดูก และการจัดวางที่ของกระดูกและกล้ามเนื้อเหมือนกันในมือทั้งสอง แต่มือของคนป่าเถื่อนที่สุดก็ยังสามารถทำอะไรต่าง ๆ ได้นับร้อย ๆ อย่างซึ่งลิง (simian) ไม่สามารถเลียนอย่างได้ ---- มือของลิงไม่เคยทำสิ่งของอะไรได้แม้แต่มีดศิลาอย่างหยาบที่สุด
การทำงานซึ่งบรรพบุรุษเราค่อย ๆ เรียนการปรับใช้มือของตนในระหว่างระยะเวลาหลายพันปีนั้น คงเป็นแต่เพียงงานง่าย ๆ มาก คนป่าเถื่อนต่ำที่สุด แม้คนซึ่งถอยกลับไปสู่สภาพที่คล้ายสัตว์มากขึ้น พร้อมกับความเสื่อมทรามทางร่างกายไปพร้อม ๆ กันก็ยังเหนือกว่าคนในช่วงระยะเปลี่ยนแปลงนี้มากมาย กว่าก้อนหินก้อนแรกจะถูกดัดแปลงให้เป็นมีดด้วยมือมนุษย์ กาลเวลาคงจะผ่านไประยะหนึ่งซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้วช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่เรารู้ก็ดูเล็กน้อยมากแต่กระนั้น ก็ได้มีการก้าวย่างสำคัญไปแล้ว คือ มือได้มีอิสระและนับแต่นั้นมาก็เกิดความกระฉับกระเฉงขึ้นเรื่อย ๆ อันทำให้ได้รับความคล่องตัวมากขึ้น และเพิ่มพูนจากคนรุ่นหนึ่งมายังอีกรุ่นหนึ่ง
ดังนั้น มือจึงมิได้เป็นเพียงอวัยวะของแรงงานเท่านั้น หากมันเป็นผลผลิตของแรงงานอีกด้วย แรงงาน ซึ่งได้ปรับตัวให้เข้ากับงานใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ ทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และในระยะที่ยาวนานกว่า ก็กระดูก เกิดการพัฒนาเป็นพิเศษ และการใช้อย่างใหม่ ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งความวิจิตรที่ได้รับเป็นมรดกในงานใหม่ ๆ ที่สลับซับซ้อนยิ่ง ๆ ขึ้นนั้น ได้ให้มือแก่มนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ในระดับสูงเท่าที่ต้องการเนรมิตรให้เป็นจริงขึ้นมาซึ่งภาพจิตรกรรมของราฟาเอล รูปปั้นของธอร์วาลด์เซน ดนตรีของปากานินี
แต่มือมิได้ดำรงอยู่ตามลำพัง มันเป็นเพียงหน่วยหนึ่งของอินทรียภาพที่มีความสลับซับซ้อนสูงหนึ่งเดียว สิ่งที่เป็นคุณแก่มือก็เป็นคุณแก่ร่างกายทั้งหมดที่มือรับใช้ด้วย และนี่สนองกันสองทาง
แรกทีเดียว ร่างกายได้รับประโยชน์จากกฎแห่งความเติบโตที่สัมพันธ์กัน ดังที่ดาร์วินขนานนามไว้ กฎนี้บอกว่า รูปแบบจำเพาะของอวัยวะแต่ละส่วนย่อมผูกพันกับอวัยวะส่วนอื่นเสมอซึ่งดูเผิน ๆ แล้วไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ดังนั้น สัตว์ทุกชนิดที่มีเซลล์เลือดเม็ดสีแดงที่ไม่มีแกน (nuclei) ของเซลล์ และซึ่งหัวติดอยู่กับข้อกระดูกสันหลังด้วยข้อกระดูกซ้อน ย่อมจะมีต่อมน้ำนมสำหรับให้ดื่มอย่างไม่มียกเว้น ทำนองเดียวกัน สัตว์ที่มีกีบที่เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีกระเพาะซ้อนสำหรับการเคี้ยวเอื้องเสมอ ความเปลี่ยนแปลงในรูปร่างหนึ่งใดย่อมก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในรูปร่างของส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แม้ว่าเราไม่อธิบายความเกี่ยวพันกันได้ แมวขาวปลอดทั้งตัวที่มีนัยน์ตาสีฟ้าหูหนวกหมดทุกตัว หรือเกือบหมดทุกตัวการที่มนุษย์ค่อย ๆ สมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ ก็ดี และการที่เท้าได้ปรับตัวสำหรับการเดินตัวตรงก็ดี ย่อมจะมีผลต่อวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายตามกฎแห่งความสัมพันธ์เช่นว่านั้นอย่างไม่มีข้อสงสัย อย่างไรก็ดี เรายังมิได้สอบสวนการกระทำนี้กันอย่างเพียงพอ อย่างละเอียดพอที่จะอำนวยให้เราสามารถกล่าวถึงเรื่องนี้ได้มากกว่าการกล่าวคลุมกว้าง ๆ
สิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คืออิทธิพลโดยตรงที่แสดงออกมาให้เห็นของพัฒนาการของมือที่มีต่ออวัยวะอื่น ๆ ได้รู้กันมาแล้วว่าบรรพบุรุษลิง (simian) ของเรานั้นชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ๆ จึงเป็นเรื่องที่เห็นชัดว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะไปสืบหาต้นกำเนิดของมนุษย์อันเป็นสัตว์สังคมมากที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งมวล จากบรรพบุรุษที่ใกล้ชิดกันอยู่เป็นกลุ่ม การเข้าเป็นนายของธรรมชาติเริ่มด้วยพัฒนาการที่มือ ด้วยแรงงาน และการก้าวหน้าใหม่ ๆ ออกไปแต่ละครั้งก็ขยายขอบฟ้าของมนุษย์ออกไป เขาค้นพบคุณสมบัติใหม่ ๆในสิ่งของธรรมชาติที่จนกระทั่งบัดนั้นยังไม่เป็นที่รู้กันอย่างสืบเนื่องตลดดเวลา อีกทางด้านหนึ่งนั้น พัฒนาการของแรงงานได้ช่วยให้จำเป็นต้องเอาสมาชิกของสังคมเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกัน ด้วยการเพิ่มกรณีการช่วยเหลือกันและดำเนินกิจกรรมมากขึ้น และทำให้แต่ละคนมองเห็นชัดถึงข้อดีของการทำกิจกรรมร่วมกันนี้ กล่าวสั้น ๆ มนุษย์ได้มาถึงจุดซึ่งพวกเขามีเรื่องที่จะต้องพูดแก่กันและกันความจำเป็นได้สร้างอวัยวะขึ้น กล่องเสียงในลำคอ (Laryxn) ของลิงพันธ์คนที่ไม่เจริญค่อย ๆ เปลี่ยนรูปช้า ๆ แต่แน่นอน ด้วยคลื่นเสียงที่เปล่งออกมาเพื่อทำให้เกิดคลื่นเสียงที่เจริญกว่าอยู่เรื่อย ๆ และอวัยวะของปากก็ค่อย ๆ เรียนการออกเสียงเป็นสำเนียง สำเนียงนี้สำเนียงนั้น
จากการเปรียบเทียบกับสัตว์ทั้งหลายพิสูจน์ว่า คำอธิบายเรื่องการกำเนิดของภาษาจากแรงงานและในกระบวนการของแรงงานนี้เป็นคำอธิบายที่ถูกต้องแต่เพียงประการเดียว แม้สัตว์ต่าง ๆ ที่มีความเจริญสูงสุดก็มีความจำเป็นที่จะสื่อสารกันน้อย ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีการพูดออกมาเป็นสำเนียง ในสภาพของธรรมชาติไม่มีสัตว์ใดรู้สึกเป็นอุปสรรคจากการที่มันไม่สามารถพูดหรือเข้าใจคำพูดของมนุษย์ได้ แต่เป็นอีกเรื่องหนึ่งเมื่อมันทำให้เชื่องแล้วสุนัขและม้า โดยการสมาคมกับคน ได้พัฒนาหูให้รับฟังสำเนียงพูดได้จนกระทั่งมันสามารถเรียนทำความเข้าใจภาษาใด ๆ ก็ได้อย่างง่ายดายภายในขอบเขตของความคิดของมัน ยิ่งกว่านั้น มันยังเกิดมีความสามารถเกิดมีความรู้สึกเช่นความรัก ความกตัญญู ฯลฯที่มีต่อมนุษย์ ซึ่งแต่ก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่รู้จัก ใครก็ตามที่คลุกคลีอยู่กับสัตว์ต่าง ๆ เช่นว่านั้น ยากที่หลีกหนีจากความเชื่อเสียได้ว่าในหลาย ๆ กรณี สัตว์เหล่านั้นรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ ความไม่สามารถพูดได้ของมันนั้นเป็นข้อบกพร่องที่ไม่สามารถเยียวยาได้อีกแล้วอย่างน่าเสียดาย เพราะอวัยวะเสียงของมันเหล่านั้นได้ถูกสร้างจำเพาะไปในอีกทิศทางหนึ่งอย่างไรก็ดี ในที่ที่มีอวัยวะเสียงอยู่ แม้ภายในขีดจำกัด แม้ความไม่สามารถนี้ก็หายไป อวัยวะในปากของนกแตกต่างกับของมนุษย์อย่างมากมาย แต่นกก็เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่สามารถเรียนพูดได้ และนกที่มีเสียงที่น่าเกลียดที่สุด คือนกแก้ว นั้นเองที่พูได้ดีที่สุด ขออย่าให้ใครมาค้านว่านกแก้วไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูด จริงอยู่ว่าเพื่อความเพลิดเพลินในการพูดและสังคมกับมนุษย์เท่านั้นที่นกแก้วจะพูดเจื้อยแจ้วเป็นชั่วโมง ๆ ซ้ำคำทั้งหมดที่มันรู้ แต่ภายในขอบเขตจำกัดของความคิดของมัน มันสามารถเรียนทำความเข้าใจกับสิ่งที่มันพูดได้ด้วย ลองไปสอนคำด่าให้กับนกแก้วในลักษณะที่มันรู้ความหมายของคำพูดนั้นดูสิ (อันเป็นเรื่องที่พวกกลาสีเรือที่กลับมาจากเขตร้อนสนุกสนานกันเป็นหนักหนาอย่างหนึ่ง) ลองไปล้อมันดูแล้วไม่ช้าท่านจะได้พบว่ามันรู้วิธีใช้คำด่าอย่างถูกต้องเช่นกับคนขายผลไม้เร่เบอร์ลินทีเดียว การร้องขอข้าวปลาของมันก็ทำได้ถูกต้องเช่นกัน
แรกทีเดียวก็แรงงาน หลังจากแรงงานแล้วก็พร้อมกับแรงงานก็เป็นคำพูด -- เหล่านี้เป็นสิ่งกระตุ้นสำคัญที่สุดสองอย่างซึ่งส่งอิทธิพลให้สมองของลิงพันธุ์คนค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นสมองของคนซึ่งใหญ่กว่ามากและสมบูรณ์กว่ามากในบรรดาสมองที่คล้ายคลึงกันควบคู่ไปกับพัฒนาการของสมองก็คือพัฒนาการของสมองก็คือพัฒนาการของเครื่องมือที่ใกล้ชิดของสมอง คือความรู้สึกสัมผัส เช่นเดียวกับการที่การค่อย ๆ พัฒนาของการพูดย่อมจะดำเนินมาพร้อม ๆ กับการพัฒนาการฟังให้เหมาะกัน การพัฒนาสมองทั้งหมดก็ดำเนินมาพร้อม ๆ กับการปรับปรุงความรู้สึกสัมผัสทั้งหมดให้ละเอียดอ่อนขึ้น นกอินทรีมองเห็นได้ไกลกว่าคนมาก แต่นัยน์ตามนุษย์ก็เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้มากกว่านัยน์ตาของนกอินทรีสุนัขมีความรู้สึกต่อกลิ่นได้แหลมกว่ามนุษย์ แต่มันก็ไม่สามารถระบุกลิ่นต่าง ๆ ได้แม้หนึ่งในร้อย ซึ่งเป็นกลิ่นที่สำหรับมนุษย์แล้วมันเป็นเครื่องบอกถึงสิ่งที่ต่างกัน และความรู้สึกในการสัมผัสซึ่งลิงพันธุ์คนยากที่จะมีแม้ในรูปแบบที่หยาบที่สุดก็ได้ถูกพัฒนาของมือมนุษย์เองโดยผ่านตัวกลาง คือแรงงานปฎิกิริยาที่มีต่อแรงงานและการพูดในพัฒนาการของสมองและความรู้สึกสัมผัสต่าง ๆ ที่ติดอยู่กับมัน ความชัดเจนในความคิดที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ อำนาจในการแยกแยะและการใช้ดุลยพินิจ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นที่ได้รับการทดแทนใหม่อยู่เรื่อย ๆ แก่การพัฒนาทั้งแรงงานและสมอง พัฒนาการนี้มิได้มาถึงขั้นลงเอยของมันเมื่อมนุษย์ได้สิ้นสภาพความเป็นลิงในที่สุด แต่กลับสร้างความก้าวหน้าอย่างทรงพลังโดยทั่วไป ด้วยระดับและทิศทางที่ต่างกันออกไปในหมู่ประชาชนต่าง ๆ และในเวลาต่าง ๆ และมีการขัดจังหวะที่นั่นบ้างที่นี่บ้างด้วยความถดถอยท้องถิ่นหรือการถดถอยชั่วครั้งชั่วคราว ด้านหนึ่ง การพัฒนาต่อไปนี้ได้รับการเร่งไปข้างหน้าอย่างแรง และอีกด้าหนึ่งก็ได้ถูกนำไปตามทิศทางที่แน่นอนมากขึ้นด้วยสิ่งใหม่สิ่งหนึ่งซึ่งได้เข้ามาแสดงบทบาทกับการปรากฎตัวขึ้นมาของมนุษย์เต็มตัวนั่นก็คือ -- สังคม
เวลานับแสน ๆ ปี ซึ่งไม่มีความสำคัญอะไรในประวัติศาสตร์ของโลกมากไปกว่าหนึ่งนาทีในชีวิตมนุษย์ แน่นอนว่าได้ผ่านพ้นไปกว่าที่สังคมมนุษย์จะเกิดขึ้นจากฝูงของลิงปีนป่ายต้นไม้ แต่กระนั้นมันก็ได้เกิดขึ้นมานานแล้วในที่สุด แล้วเราได้พบอะไรอีกครั้งหนึ่งเล่าที่เป็นความแตกต่างในลักษณะพิเศษระหว่างฝูงลิงกับสังคมมนุษย์? คำตอบก็คือ แรงงาน ฝูงลิงพอใจกับกิ่งไม้ใบไม้ในบริเวณที่มีอาหารที่ถูกำหนดโดยสภาพเงื่อนไขทางภูมิศาสตร์หรือการต่อต้านของฝูงข้างเคียง มันอพยพไปและต่อสู้เพื่อให้ได้บริเวณอาหารใหม่ ๆ แต่มันไม่สามารถสะกัดเอาอาหารมาจากบริเวณเหล่านั้นได้มากกว่าเท่าที่ธรรมชาติเสนอให้ นอกเสียจากมันจะบำรุงเนื้อดินให้อุดมโดยไม่ตั้งใจด้วยอุจาระของมันเอง ทันใดที่บริเวณอาหารเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดถูกครอบครองหมดแล้ว ก็ไม่อาจเพิ่มจำนวนลิงขึ้นมาอีกได้ จำนวนของสัตว์อย่างดีที่สุดก็คงอยู่เท่าเดิม
แต่สัตว์ทั้งปวงก็เสียอาหารมากมายไปอย่างไร้ประโยชน์ และนอกจากนั้นยังทำลายมูลรากของแหล่งอาหารรุ่นต่อไปอีกด้วย ผิดกับนายพราน หมาป่าจะไม่ไว้ชีวิตกวางตัวเมียซึ่งจะออกลูกมาให้มันในปีหน้า พวกแพะในประเทศกรีซกินพุ่มไม้ก่อนที่มันจะโตเต็มที่จนหมดสิ้น ทำให้ภูเขาทั้งหมดในประเทศอิตาเลี่ยนเตียน "เศรษฐกิจล้างผลาญ ของสัตว์นี้แสดงบทบาทสำคัญในการค่อย ๆ เปลี่ยนพันธุ์ของสัตว์ต่าง ๆ ด้วยการบังคับให้พวกมันปรับตัวและหันไปหาอย่างอื่นแทนอาหารปกติ จากการนี้ก็ทำให้โลหิตของพวกมันมีองค์ประกอบทางเคมีเปลียนไปและสภาพทางร่างกายทั้งหมดก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง ในขณะนี้สัตว์ชนิดที่ไม่ปรับตัวเองก็สูญพันธุ์ไป ไม่มีข้อสงสัยว่า เศรษฐกิจล้างผลาญนี้เป็นส่วนอย่างรุนแรงในการเปลี่ยนบรรพบุรุษจากลิงให้เป็นคน ในขณะเป็นเผ่าพันธุ์ลิงซึ่งเหนือกว่าพันธุ์อื่น ๆ ทั้งหมดในความชาญฉลาดและการปรับตัวเอง เศรษฐกิจแบบล้างผลาญนี้จะต้องนำไปสู่การเพิ่มจำนวนพืชที่ใช้เป็นอาหารขึ้นเรื่อย ๆ และนำไปสู่การบริโภคพืชส่วนที่เกินได้มากยิ่ง ๆ ขึ้น กล่าวสั้น ๆ อาหารเริ่มมีหลากหลายชนิดขึ้น อันทำให้สสารต่าง ๆ ที่เข้าไปในร่างกายกับสารเหล่านั้นหลากหลายขึ้นอันเป็นสสารซึ่งเป็นพื้นฐานทางเคมีสำหรับการเปลี่ยนแปลงมาเป็นคน แต่ทั้งหมดยังหาใช่แรงานตามความหมายอันเหมาะสมของคำไม่ แรงงานเริ่มด้วยการทำเครื่องมือต่าง ๆ และเครื่องมืออะไรเล่าที่โบราณที่สุดที่เราได้พบ -- ที่โบราณเก่าแก่ที่สุดเมื่อตัดสินจากมรดกของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ที่ได้ค้นพบ และโดยแบบวิถีชีวิตของคนชาติต่าง ๆ ในยุคประวัติศาสตร์ต้นสุด และของคนป่าเถื่อนที่สุดยุคปัจจุบัน? เครื่องมือเหล่านั้นก็คือเครื่องมือล่าสัตว์และการจับปลา ซึ่งอย่างแรกนั้นใช้เป็นอาวุธไปด้วยในตัว แต่การล่าสัตว์และการจับปลาเป็นสิ่งกำหนดล่วงหน้าในการเปลี่ยนสภาพจากการบริโภคพืชผักโดยเฉพาะมาเป็นการบริโภคเนื้อไปพร้อม ๆ กันและนี่เป็นก้าวที่สำคัญอีกก้าวหนึ่งในกรรมวิธีของการเปลี่ยนจากลิงมาเป็นคน อาหารเนื้อในสภาพที่เกือบสุกมีส่วนประกอบอันจำเป็นที่ร่างกายต้องการสำหรับระบบการย่อยของมัน ด้วยการย่นระยะเวลาที่ต้องใช้ในการย่อยมันก็ย่นระยะเวลาของกรรมวิธีทางร่างกายอื่น ๆ ในเรื่องผักตามชนิดของพืชผักนั้น ๆ โดยนัยก็ได้มีเวลาวัตถุและความปารถนาในการดำรงชีวิตอย่างแข็งขันเช่นสัตว์มากขึ้น ยิ่งมนุษย์ขณะกำลังกลายเป็นมนุษย์เคลื่อนห่างจากอาณาจักรพืชผักเท่าไร เขาก็ขึ้นสูงกว่าสัตว์เพียงนั้น เช่นเดียวกับการที่ความเคยชินการกินพืชผักคู่ขนานไปกับเนื้อสัตว์ได้เปลี่ยนสภาพแมวป่าให้กลายเป็นผู้รับใช้มนุษย์ เช่นเดียวกันกับที่การปรับมากินเนื้อคู่กันไปกับการกินผัก มีส่วนอย่างใหญ่หลวงในการให้พลกำลังและความเป็นอิสระทางร่างกายแก่มนุษย์ในขั้นกลายตัว แต่ทว่าอาหารเนื้อมีผลใหญ่หลวงที่สุดต่อมันสมอง ซึ่งมาบัดนี้ได้รับวัตถุที่มีคุณค่าทางอาหารมากมายที่จำเป็นสำหรับการหล่อเลี้ยงและการพัฒนาของมันสมอง และด้วยเหตุนั้นก็สามารถพัฒนาได้รวดเร็วขึ้นและสมบูรณ์ขึ้นจากคนรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง ด้วยความเคารพต่อชาวมังสาวิรัตทั้งหลาย แต่ข้าพเจ้าก็ใคร่ขอกล่าวว่า มนุษย์เรามิได้เกิดมาและดำรงอยู่อย่างปราศจากอาหารเนื้อ และถ้าหากอาหารเนื้อได้นำเราไปสู่การกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราว(รุ่นทวดของชาวเบอร์ลิน ชาวเวเลตาเบียน หรือวิลเซียน เคยกินเนื้อพ่อแม่ของตนเองมาจนถึงศตวรรษที่สิบ) นั่นก็ไม่มีผลอันใดต่อเราทุกวันนี้
การกินอาหารเนื้อทำให้ก้าวหน้าไปใหม่ ๆ สองอย่างที่ทรงความสำคัญขั้นตัดสิน คือการใช้ไฟและการเอาสัตว์มาเลี้ยง การใช้ไฟยิ่งทำให้กระบวนการย่อยอาหารสั้นยิ่งขึ้น ในเมื่อมันให้อาหารแก่ปากซึ่งย่อยไปครึ่งหนึ่งแล้ว และการเอาสัตว์มาเลี้ยงในบ้านทำให้เนื้อมีมากมายอุดมสมบูรณ์โดยการเปิดแหล่งอาหารใหม่ ๆ มากยิ่ง ๆ ขึ้นโดยมีการจัดให้ไว้อย่างสม่ำเสมอ เพิ่มเติมจากการล่าสัตว์ยิ่งกว่านั้นยังให้นมและผลิตผลของนม อันเป็นอาหารอย่างใหม่ที่อย่างน้อยที่สุดก็มีคุณค่าเท่ากับเนื้อสัตว์ในด้านองค์ประกอบ ด้วยเหตุนี้ ความก้าวหน้าทั้งสองอย่างนี้ในตัวของมันเองจึงเป็นปัจจัยใหม่ ๆ สำหรับการปลดเปลื้องมนุษย์ให้เป็นอิสระ คงจะไม่นอกเรื่องจนเกินไปหากเราจะกล่าวในที่นี้ถึงผลกระทบโดยตรงของมัน โดยไม่ต้องเอ่ยถึงความสำคัญอย่างใหญ่หลวงที่มันได้มีมาแล้วต่อการพัฒนามนุษย์และสังคม
มนุษย์เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่กินได้ อีกทั้งเขายังเรียนรู้ในการดำรงชีวิตอยู่ทุกสภาพดินฟ้าอากาศด้วย เขาแพร่ไปทั่วโลกที่สามารถอยู่อาศัยได้ เป็นสัตว์ประเภทเดียวที่สามารถทำเช่นนั้นได้ตามใจตน สัตว์อื่น ๆ ที่ได้ปรับตัวคุ้นเคยกับอากาศทุกชนิด คือสัตว์เลี้ยงและสัตว์ทำลายพืช มิได้ปรับตัวโดยลำพังของมันเอง หากตามรอยมนุษย์ และการเปลี่ยนจากอากาศร้อนแบบเดียวกันที่เคยเป็นบ้านดั้งเดิมของมนุษย์ไปสู่ย่านที่หนาวเย็นกว่า ได้ทำให้เกิดความต้องการใหม่ ๆ ขึ้นมา คือที่กำบังและเสื้อผ้าเพื่อป้องกันความหนาวและความชื้น ดังนั้นจึงทำให้เกิดแรงงานด้านใหม่ ๆ เกิดรูปแบบของกิจกรรมใหม่ ๆ ซึ่งแยกคนออกจากสัตว์มากยิ่งขึ้นทุกที
ด้วยการทำประสานกันของมือ อวัยวะในการพูดและสมอง ไม่เพียงเฉพาะเป็นแต่เพียงรายบุคคลแต่หากทั้งสังคม มนุษย์ก็กลายเป็นผู้สามารถทำงานต่าง ๆ ที่สลับซับซ้อนมากยิ่ง ๆ ขึ้นได้และสามารถที่จะกำหนดจุดประสงค์ให้กับตนเองและบรรลุจุดประสงค์สูงขึ้น ๆ งานของแต่ละคนแต่ละรุ่นเองก็ต่างกันออกไป สมบูรณ์ยิ่งขึ้นหลากหลายออกไปมากขึ้น การกสิกรรมถูกเสริมให้กับการล่าสัตว์และการเลี้ยงปศุสัตว์ จากนั้นก็มาถึงการปั่นด้าย ทอผ้า งานโลหะ เครื่องปั้นดินเผา การเดินเรือ คู่มากับการค้าและอุตสาหกรรม ศิลปะและวิทยาศาสตร์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาในที่สุด ชนเผ่าต่าง ๆ พัฒนาขึ้นมาเป็นชาติรัฐ กฎหมายและการเมืองเกิดมีขึ้นมาพร้อมด้วยความคิดคำนึงอันพิลึกพิลั่นต่อสิ่งทั้งมวลของมนุษย์ที่มีอยู่ในใจคน-- ศาสนา ในยามเผชิญกับภาพปฎิมาทั้งหมดเหล่านี้ ซึ่งเมื่อดูครั้งแรกก็รู้สึกว่าเป็นผลิตผลของจิตใจ (mind) และดูเหมือนจะครอบงำสังคมมนุษย์อยู่ การผลิตชนิดพื้น ๆ ธรรมดา ๆ ที่สุดของมือที่ทำงานจึงถดถอยออกไปเบื้องหลัง ที่เป็นอย่างนี้มากขึ้นก็เพราะจิตใจที่วางแผนแรงงานนั้นสามารถในทุกขั้นตอนเริ่มแรกของพัฒนาการของสังคม (เช่นในครอบครัวสมัยดั้งเดิมก็มีแล้ว) ที่จะให้แรงงานที่ได้รับการวางแผนไว้นั้นได้รับปฎิบัติด้วยมือของผู้อื่น ไม่ใช่ด้วยมือของตนเอง คุณความดีทั้งปวงในการที่เกิดความเจริญทางอารยธรรมขึ้นมาอย่างรวดเร็วนั้นได้ถูกถือกันว่าเนื่องมาจากความคิดจิตใจ (mind) เนื่องมาจากความเจริญและการทำงานของสมอง (brain) คนเริ่มคุ้นเคยในการอธิบายการกระทำของตนว่าเกิดขึ้นมาจากความคิด (thoughts) แทนที่จะเกิดขึ้นมาจากความต้องการที่จำเป็น (needs) (ซึ่งในทุกกรณีมันจะสะท้อนและคิดขึ้นมาในใจ) ดังนั้นเมื่อกาลเวลาผ่านไปจึงได้เกิดโลกทัศน์แบบจิตนิยมขึ้น (idealistic world outlook) ได้ครอบงำจิตใจของมนุษย์เรื่อยมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งนับแต่การล่มสลายของโลกก่อนยุคกลาง มันยังคงครองจิตใจพวกเขาอยู่ถึงระดับที่แม้นักธรรมชาติวิทยาที่เป็นวัตถุนิยมที่สุดแห่งสำนักดาร์วินก็ยังไม่สามารถวางความคิดชัดเจนลงไปได้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของมนุษย์ เพราะว่าอิทธิพลแห่งจิตนิยมนี่เองที่ทำให้พวกเขาไม่ยอมรับบทบาทที่แรงงานแสดงลงไปแล้ว
ดังเช่นที่ได้กล่าวชี้ให้เห็นไว้แล้ว สัตว์ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงธรรมชาติแวดล้อมด้วยกิจกรรมของมันในทำนองเดียวกันกับมนุษย์แม้จะไม่ในขอบเขตเดียวกัน และความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ดั่งที่เราได้เห็นแล้วทำปฎิกิริยาให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับผู้ที่ก่อความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นด้วย ในธรรมชาติไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นลอยตัวโดดเดี่ยว ทุกสิ่งทุกอย่างส่งผลกระทบและถูกกระทบจากสิ่งอื่น ๆ ทุกอย่าง และส่วนใหญ่เนื่องมาจากความเคลื่อนไหวและการทำปฎิกิริยากันหลายซับซ้อนนี้ได้ถูกลืมกันไป จึงทำให้นักธรรมชาติวิทยาของเราไม่สามารถมองทะลุเห็นชัดเจนในสิ่งที่ง่ายที่สุด เราได้เห็นแล้วว่าพวกแพะได้ทำให้ไม่เกิดป่างอกงามขึ้นมาใหม่อย่างไรในกรีซ บนเกาะเซ็นต์ เฮเลนา แพะและหมูที่คนอพยพไปอยู่ที่นั่นรุ่นแรก ๆ ได้นำไป ได้ประสบความสำเร็จในการขจัดพฤกษชาติเก่า ๆ ที่นั่นไปเกือบหมดสิ้น โดยนัยก็เป็นการเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับการแพร่พันธุ์พืชที่พวกกลาสีเรือและพวกนักล่าอาณานิคมรุ่นหลังนำไปที่นั่น แต่สัตว์สร้างความกระทบกระเทือนอย่างถาวรต่อธรรมชาติแวดล้อมอย่างไม่ตั้งใจ และยิ่งเกี่ยวกับสัตว์เองด้วยแล้วนี่ก็เป็นอุบัติเหตุ ยิ่งมนุษย์ห่างไกลออกไปจากสัตว์เท่าใด ผลกระทบที่พวกสัตว์ก่อให้เกิดแก่ธรรมชาติก็ยิ่งเข้ามีลักษณะของการกระทำที่มีการไตร่ตรอง วางแผนล่วงหน้ามุ่งไปสู่จุดหมายที่แน่นอนที่คิดไว้แล้ว สัตว์ทำลายพฤกษชาติของท้องถิ่นหนึ่ง ๆ โดยไม่รู้ตัวว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ มนุษย์ทำลายพฤกษชาติเพื่อที่จะหว่านพืชไร่นาบนพื้นที่ดินซึ่งว่างลง หรือปลูกต้นไม้หรือองุ่นซึ่งเขารู้ว่าจะให้ผลมากกว่าจำนวนที่ปลูกลงไปมากมายหลายเท่า เขาโยกย้ายพืชที่มีประโยชน์และสัตว์เลี้ยงจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งและโดยนัยนั้นก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่นแปลงในชีวิตพืชและสัตว์ขึ้นทั่วทั้งทวีป ยิ่งไปกว่านั้นอีก ด้วยการผสมเทียม ทั้งพืชและสัตว์ก็เปลี่ยนแปลงไปโดยมือมนุษย์จนจำรูปเดิมไม่ได้ เดี๋ยวนี้ก็ยังหาพืชป่าให้กำเนิดแก่ข้าวพันธุ์ต่าง ๆ ของเราไม่พบ ยังมีการโต้เถียงกันอยู่เกี่ยวกับสัตว์ป่า ซึ่งสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ มากมายของเราและม้าพันธุ์ต่าง ๆ มากมายพอ ๆ กันของเราสืบตระกูลลงมา
เป็นที่กระจ่างชัดว่า เราคงไม่คิดที่จะค้านเรื่องความสามารถของสัตว์ที่จะกระทำการในลักษณะที่มีการวางแผนไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าตรงกันข้าม แบบแผนการกระทำที่มีการวางแผนนั้นดำรงอยู่ในลูกซึ่งอยู่ในท้อง อันเป็นที่ซึ่งมูลแห่งชีวิต ไข่ขาวที่มีชีวิต ดำรงอยู่และทำปฎิกิริยา นั่นคือ ทำการเคลื่อไหวบางอย่าง แม้จะเล็กน้อยอย่างที่สุด อันเป็นผลมาจากการกระตุ้นบางอย่างจากภายนอก ปฎิกิริยาเช่นนั้นเกิดขึ้นในระยะที่ยังไม่มีเซลล์เลยด้วยซ้ำ อย่าพูดถึงเซลล์ประสาทเลย มีบางสิ่งบางอย่างในการกระทำที่มีการวางแผนไว้ในลักษณาการที่พืชกินแมลงจับเหยื่อของมันแม้ว่ามันจะทำลงไปอย่างค่อนข้างไร้ความสำนึก ในสัตว์นั้น ขีดความสามารถสำหรับกระทำการอย่างมีสำนึก มีการวางแผน จะได้สัดส่วนกันกับการพัฒนาการของระบบประสาท ซึ่งในหมู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมันมีพัฒนาการค่อนข้างสูงทีเดียว เมื่อมีการล่าสุนัขจิ้งจอกกันในอังกฤษ เราสามารถสังเกตได้เป็นประจำวันว่า สุนัขจิ้งจอกใช้ความรู้อันยอดเยี่มของมันเกี่ยวกับท้องถิ่นได้อย่างไม่มีผิดพลาดเพื่อหลบหนีผู้ตามล่ามัน และมันรู้วิธีอาศัยสภาพอันเกื้อกูลทั้งหลายแหล่ของพื้นดินทำให้กลิ่นของมันสูญหายไป ในหมู่สัตว์เลี้ยงของเรา ซึ่งได้พัฒนาสูงกว่าอันเนื่องมาจากการสมาคมกับมนุษย์ เราสามารถสังเกตเห็นได้อยู่ตลอดเวลาถึงความเจ้าเล่ห์ของมันในระดับเดียวกันกับเด็ก ๆ ไม่มีผิด เพราะว่าเช่นเดียวกับประวัติพัฒนาการของตัวอ่อนของมนุษย์ในมดลูกของมารดา ซึ่งเป็นเพียงการซ้ำโดยย่อของประวัติศาสตร์ที่ยืดยาวมาเป็นเวลานับล้าน ๆ ปีของวิวัฒนาการทางร่างกายของสัตว์บรรพบุรุษของเราที่เริ่มจากตัวหนอน ดังนั้นพัฒนาการทางสมองของเด็กจึงเป็นเพียงการซ้ำโดยย่อมากยิ่งขึ้นของการพัฒนาการทางภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเดียวกันนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ของบรรพบุรุษรุ่นหลัง แต่การกระทำอย่างมีแผนของสัตว์ทั้งหมดไม่เคยประสบความสำเร็จในการฝากรอยพิมพ์ของเจตจำนงของมันเข้าไว้บนโลก นั่นเป็นงานสำหรับมนุษย์
กล่าวสั้น ๆ สัตว์เพียงแต่ใช้ธรรมชาติแวดล้อมของมันและทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติเพียงด้วยการปรากฎตัวอยู่ที่นั่นของมันเท่านั้น แต่มนุษย์นั้นด้วยการเปลี่ยนแปลงของตนเองก็ทำให้ธรรมชาติแวดล้อมรับจุดประสงค์ของตนเอง เพื่อเป็นนายของธรรมชาติแวดล้อม นี่คือข้อแตกต่างสำคัญประการสุดท้ายระหว่างมนุษย์กับสัตว์อื่น ๆ และก็อีกอย่างหนึ่งที่แรงงานนั้นเองที่ทำให้เกิดความแตกต่างนี้
อย่างไรก็ดี ขออย่าให้เรามายกยอตัวเราเองมากจนเกินไปในเรื่องชัยชนะของมนุษย์เราเหนือธรรมชาติ เพราะว่าในชัยชนะเช่นนั้นแต่ละครั้งธรรมชาติแก้แค้นเอากับเราเหมือนกัน จริงอยู่ที่ว่าชัยชนะแต่ละครั้งในตอนแรกก็ทำให้กิดผลลัพธ์อย่างที่เราคาดหวัง แต่ในตอนที่สองและตอนที่สามมันกลับมีผลไปอีกอย่างหนึ่งที่มองการณ์ไม่เห็น ซึ่งมักจะขีดฆ่าผลลัพธ์ในตอนแรกอยู่เนือง ๆ ทีเดียว ผู้คนในเมโสโปตาเมีย, กรีซ, เอเชียไมเนอร์, และที่อื่น ๆ ซึ่งได้ทำลายป่าเพื่อให้ได้ที่ดินเพาะปลูกไม่เคยนึกฝันเลยว่า ด้วยการขจัดไปพร้อมกับป่าคือศูนย์รวบรวมและแหล่งเก็บความชื้นนั้น พวกเขากำลังวางพื้นฐานสำหรับสภาพอันแห้งแล้งของประเทศเหล่านั้นเข้าไว้เมื่อชาวอิตาเลี่ยนในถิ่นภูเขาแอลป์ใช้ป่าสนทางลาดเขาด้านใต้ของภูเขาไปหมดแล้ว โดยที่เขาทนุถนอมกันหนักหนาตรงลาดเขาด้านเหนือนั้นพวกอิตาเลี่ยนมิได้เฉลียวใจแม้แต่น้อยว่าด้วยการกระทำเช่นนั้น พวกเขากำลังตัดรากเง่าอุตสาหกรรมโคนมในป่าย่านนั้นออกไปทีเดียว พวกเขายังมิได้เฉลียวใจด้วยว่า พวกเขากำลังทำให้ลำธารภูเขาขาดน้ำส่วนใหญ่ของปี และทำให้ลำธารเหล่านั้นเทกระแสน้ำอย่างเชี่ยวรุนแรงลงมายังที่ราบระหว่างฤดูฝน คนผู้แพร่มันฝรั่งในยุโรปมิได้ตระหนักว่า หัวมันแป้งเหล่านี้แพร่โรค Scrofula(โรคที่ทำให้เป็นวัณโรคในต่อมน้ำเหลืองและในกระดูกได้ง่าย--ผู้แปล)ไปในเวลาเดียวกัน ดังนั้น ทุกก้าวย่างเตือนให้เราระลึกว่าเราหาได้ครองอำนาจเหนือธรรมชาติเช่นกับผู้พิชิตครองอำนาจเหนือชาวต่างชาติเหมือนกับคนที่ยืนอยู่นอกธรรมชาติไม่แต่หากเรา พร้อมด้วยเลือด เนื้อและสมองนี้ เป็นสมบัติของธรรมชาติ และดำรงอยู่ในท่ามกลางธรรมชาติ การเป็นเจ้านายทั้งหมดของเรานั้นอยู่ตรงความจริงว่า เรามีความได้เปรียบมากกว่าสรรพสัตว์อื่น ๆ ทั้งมวล ที่สามารถเรียนรู้กฎของธรรมชาติและนำมันมาใช้อย่างถูกต้อง
และความจริงแล้ว ทุกวันที่ผ่านไป เราก็ได้รับความเข้าใจดีขึ้นในกฎเหล่านี้ และมีสายตาใกล้มากขึ้นทั้งในผลลัพธ์เฉพาะหน้าและที่ห่างไกลออกไปจากการที่เราเข้าไปแทรกแทรงในกระแสของธรรมชาติเก่าแก่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังจากที่ได้เกิดความก้าวหน้าอย่างมหึมาในธรรมชาติวิทยาในศตวรรษนี้ เราก็อยู่ในฐานะที่จะตระหนักและโดยนัยนั้นก็ควบคุมผลลัพธ์ทางธรรมชาติที่ห่างไกลออกไปอย่างน้อยที่สุดที่จะเกิดกิจกรรมการผลิตประจำวันของเราได้มากกว่าแต่ก่อน แต่ยิ่งสิ่งนี้ก้าวหน้าออกไปเพียงใดมนุษย์ก็มีแต่จะยิ่งไม่เพียงรู้สึก หากรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของตนกับธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้มากขึ้นในความคิดที่ไร้เหตุผลผิดธรรมชาติในการเอาจิตมาขัดกันกับวัตถุเอาคนมาขัดกับธรรมชาติ จิตใจมาขัดกับร่างกาย ดั่งเช่นที่ได้เกิดขันมาภายหลังจากการเสื่อมโทรมของยุคสมัยก่อนยุคกลางในยุโรปและได้รับการบรรจงวางรายละเอียดเข้าไว้สูงสุดในคริสต์ศาสนา
จำต้องใช้แรงงานด้วยเวลานับพัน ๆ ปีสำหรับเราที่จะเรียนรู้เล็กน้อยถึงวิธีการคำนวณผลกระทบทางธรรมชาติอันห่างไกลออกไปที่เกิดจากการกระทำของเราในด้าการผลิต แต่มันยิ่งเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าในเรื่องที่เกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมของการกระทำเหล่านี้ เราได้กล่าวถึงมันฝรั่งที่ยังผลให้เกิดการแพร่โรคScrofula มาแล้ว แต่โรคนั้นจะเทียบอะไรกันได้เล่ากับผลกระทบอันเกิดจากการลดอาหารของคนงานลงมาเหลือแค่มันฝรั่งที่มีต่อสภาพการดำรงชีพของมวลชนในประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศ หรือเทียบกับทุพภิกขภัยที่ทำลายมันฝรั่งได้นำมาสู่ไอร์แลนด์ในปี 1847 ซึ่งทำให้ชาวไอริชล้านคนที่เลี้ยงร่างกายด้วยมันฝรั่งอย่างเดียวหรือเกือบจะอย่างเดียวต้องลงหลุมไป และบีบบังคับให้คนอีกสองล้านคนต้องอพยพไปอยู่โพ้นทะเล? เมื่อชาวอาหรับเรียนรู้การกลั่นเหล้า พวกเขาก็ไม่ได้คิดเลยว่าด้วยการทำเช่นนั้นพวกเขากำลังสร้างอาวุธสำคัญชนิดหนึ่งสำหรับการทำลายล้างคนพื้นเมืองของทวีปอเมริกาซึ่งตอนนั้นยังไม่ถูกค้นพบ และต่อมาภายหลังเมื่อโคลัมบัสค้นพบอเมริกา เขาก็ไม่รู้ว่าด้วยการค้นพบนั้นเขากำลังวางพื้นฐานไว้ให้สำหรับการค้าทาสนิโกร และทำให้ระบบทาสฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ซึ่งในยุโรปได้ขจัดหมดไปนมนานแล้ว คนซึ่งในศตวรรษที่สิบเจ็ดและสิบแปดอุตสาหะสร้างเครื่องจักรไอน้ำขึ้นมานั้น ไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังตระเตรียมเครื่องมือที่จะปฎิวัติความสัมพันธ์ทางสังคมทั่วทั้งโลกมากกว่าเครื่องมืออื่นใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ด้วยการรวมทรัพย์เข้ามาอยู่ในมือของคนส่วนน้อยและแย่งเอามากจากคนส่วนใหญ่มหึมา เครื่องมือนี้แรกทีเดียวมุ่งหมายในการให้อำนาจครอบงำทางสังคมและการเมืองแก่นายทุนแต่ต่อมามันได้ทำให้เกิดก่รต่อสู้ทางชนชั้นขึ้นระหว่างนายทุนกับชนกรรมาชีพซึ่งจะจบลงได้ก็แต่ด้วยการที่นายทุนถูกโค่นล้มลงไปและขจัดความเป็นปฎิปักษ์กันทางชนชั้นทั้งมวลให้หมดไป แต่ในด้านนี้ด้วยเหมือนกัน ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและโหดร้ายอยู่เนือง ๆ และด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์วัตถุทางประวัติศาสตร์เราก็ค่อย ๆ เรียนที่จะมองเห็นชัดแจ้งถึงผลทางอ้อมที่ไกลออกไปอีกที่จะมีต่อสังคมจากกิจกรรมการผลิตของเรา และทำให้มีโอกาสในการควบคุมสร้างระเบียบผลกระทบเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
แต่ทว่า การวางแผนนี้จำต้องใช้บางสิ่งบางอย่างมากกว่าความรู้เฉย ๆ มันต้องการปฎิวัติทั้งหมดในแบบแผนการผลิตเท่าที่มีอยู่จนถึงบัดนี้ของเรา และพร้อม ๆ กันนั้นก็การปฎิวัติระเบียบทางสังคมปัจจุบันของเราทั้งหมด
แบบแผนการผลิตทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จนบัดนี้ได้ตั้งเข็มไว้เพียงแค่การให้ได้บรรลุผลของแรงงานที่เฉพาะหน้าที่สุดและมีประโยชน์โดยตรงที่สุดเท่านั้น ผลที่จะติดตามมาต่อไป ซึ่งจะปรากฎออกมาต่อภายหลังและจะมีผลโดยผ่านการซ้ำและสะสมขึ้นเรื่อย ๆ นั้นถูกละเลยโดยสิ้น การเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันดั้งเดิมนั้นทางด้านหนึ่งก็สอดคล้องกับระดับพัฒนาการของมนุษย์ซึ่งโดยทั่วไปแล้วความคิดอ่านของพวกเขาก็จำกัดอยู่ในสิ่งที่หาได้เฉพาะหน้าและอีกทางด้านหนึ่งนั้นก็ทำให้เกิดที่ดินเหลือใช้ขึ้นบ้างซึ่งอำนวยให้มีอิสระสำหรับการแก้ไขผลลัพธ์ที่ไม่ดีอาจเกิดขึ้นได้จากเศรษฐกิจแบบบุพกาลนี้ เมื่อที่ดินเหลือใช้นี้หมดสิ้นลง ความเป็นเจ้าของร่วมกันก็เสื่อมโทรมลงด้วย แต่ทว่า รูปแบบทั้งหมดที่สูงกว่าของการผลิตได้นำไปสู่การแบ่งประชากรออกเป็นชนชั้นต่าง ๆ และโดยนัยนั้นก็นำไปสู่การเป็นปฎิปักษ์กันของชนชั้นปกครองกับชนชั้นที่ถูกกดขี่ ดังนั้น ผลประโยชน์ของชนชั้นปกครองจึงกลายเป็นปัจจัยตัวเร่งของการผลิต ในเมื่อการผลิตมิได้จำกัดอยู่เพียงการหาปัจจัยเฉพาะที่จำเป็นที่สุดสำหรับการดำรงชีพของประชาชนที่ถูกกดขี่อีกต่อไปแล้ว นี่ได้นำออกปฎิบัติกันอย่างเต็มที่ที่สุดในแบบแผนการผลิตแบบนายทุนที่แพร่หลายอยู่ทุกวันนี้ในยุโรปตะวันตก พวกนายทุนปัจเจกชนซึ่งครอบครองการผลิตและการแลกเปลี่ยนสามารถที่จะพะวงอยู่เพียงกับผลแห่งการกระทำของเขาที่เป็นประโยชน์ที่เฉพาะหน้าที่สุดเท่านั้นได้ จริงทีเดียวแม้ผลประโยชน์นี้- - ในเมื่อมันเป็นปัญหาของการใช้ประโยชน์ของวัตถุที่ผลิตออกมาหรือที่แลกเปลี่ยนแล้ว- - ก็ถอยไกลออกไปอยู่เบื้องหลัง และสิ่งกระตุ้นแต่อย่างเดียวก็กลายเป็นผลกำไรที่จะได้จากการขาย.[3]
เศรษฐศาสตร์การเมืองคลาสสิคก็ดี สังคมวิทยานายทุนก็ดีตรวจสอบส่วนใหญ่ก็แต่ผลกระทบทางสังคมจากการกระทำของมนุษย์ในด้านการผลิตและการแลกเปลี่ยนที่ตั้งใจไว้จริง ๆ เท่านั้น นี่สอดคล้องเต็มที่กับการจัดรูปสังคมซึ่งมันเป็นตัวแสดงออกทางทฤษฎีอยู่สำหรับนายทุนปัจเจกชนทั้งหลายที่มีกิจการอยู่ในการผลิตและการแลกเปลี่ยรเพื่อผลกำไรเฉพาะหน้านั้น พวกเขาจะคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ใกล้ตัวที่สุด เฉพาะหน้าที่สุดเท่านั้น ตราบเท่าที่ผู้ผลิตหรือพ่อค้าปัจเจกชนขายสินค้าที่ผลิตหรือสินค้าที่ซื้อมาโดยได้ผลกำไรที่ต้องการตามปกติแล้ว เขาก็พอใจและไม่เป็นห่วงว่าสินค้าและผู้ซื้อสินค้านั้นจะเป็นอย่างไรต่อไปภายหลัง ผลกระทบทางธรรมชาติที่มาจากการกระทำอย่างเดียวกันนั้นก็เหมือนกัน พวกเจ้าของไร่ชาวสเปนในคิวบาไม่แยแสอะไร เมื่อพวกเขาเผาป่าตามลาดเขาเพื่อให้ได้ปุ๋ยจากขี้เถ้าเพียงพอสำหรับการปลูกต้นกาแฟรุ่นเดียวที่ให้กำไรสูง - - พวกเขาไม่แยแสอะไรเมื่อฝนตกในเขตร้อนต่อมาจะชะเอาเนื้อดินชั้นบนที่ไม่มีอะไรคุ้มกันออกไปหมด เหลือแต่หินเกลี้ยง ๆ สำหรับสังคมในความสัมพันธ์กับธรรมชาตินั้นแบบแผนการผลิตปัจจุบันห่วงใยเป็นสำคัญต่อเรื่องผลลัพธ์เฉพาะหน้าที่เป็นล่ำเป็นสันที่สุดเท่านั้น แล้วก็มาแสดงความประหลาดใจกันว่า ผลกระทบของการกระทำที่มุ่งไปสู่จุดนี้ในระยะไกลออกไปกลับกลายเป็นอีกอย่างหนึ่งทีเดียว และส่วนใหญ่ที่สุดมีลักษณะไปในทางตรงข้ามทีเดียว การที่ความประสานกลมกลืนระหว่างอุปทานกับอุปสงค์ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นกลับตรงกันข้ามหมดดั่งเช่นที่แสดงให้เห็นอยู่ในวัฎจักรอุตสาหกรรมทุกสิบปี - - แม้เยอรมนีจะมีประสบการณ์ขั้นต้นเล็กน้อยในการ พัง[4] (crash) แล้วก็ตาม ความเป็นเจ้าของเอกชนที่มีพื้นฐานอยู่ที่แรงงานของตนเอง จะต้องพัฒนาด้วยความจำเป็นไปสู่การยึดเอาทรัพย์สมบัติของคนงาน ในขณะที่ทรัพย์สมบัติทั้งหมดกลายเป็นรวมกันอยู่ในมือของคนที่มิใช่คนงาน การที่(... ... .)[5]
หมายเหตุของผู้แปล มีผู้ให้ความเห็นว่า ชื่อเรื่องของหนังสือนี้น่าจะเป็น บทบาทของแรงงานในระยะผ่านจากวานรมาเป็นคน โดยให้ความเห็นว่า เป็นที่นิยมใช้คำว่า วานร กับคำว่าภาษาอังกฤษว่า Ape และให้ความเห็นว่า ลิงนั้น ตามความเข้าใจของคนทั่วไปเห็นว่าเป็นสัตว์โง่กว่า วานร
วานรคืออะไร วานรเป็นคำภาษาบาลีและสันสกฤต ซึ่งไม่อาจแปลเป็นอย่างอื่นได้นอกจากลิง เราไรับความคิดกันมาว่าวานรเป็นสัตว์ฉลาด โดยเริ่มมาจากหนุมาน ซึ่งเป็นลิงในตระกูล Langur (หนึ่งในจำนวน 14 พันธุ์ของลิงพันธุ์ Presbytis หนุมานเป็นลิงพันธุ์ Presbytis entellus)
แต่ลิงแบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ ๆ คือ Monkey, Ape และ Man
วานรทุกวานรไม่ว่าจะเป็นหนุมานหรือเห้งเจีย ล้วนมีหาง จึงจัดเป็นลิงประเภท Monkey ไม่ใช่ Ape
และห่างไกลจาก Man ซึ่งเป็นลิงพันธ์ Homo sapiens มากมาย และหากจะพูดถึงความฉลาดกันแล้วก็ไม่
น่าจะมีข้อกังขา ดังที่เองเกลส์ได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า ลิง (จะเรียกวานรหรืออะไรก็ตาม) ทั้ง Monkey และ
Apeมีพัฒนาการพอทั้งการเมืองและสมองที่จะสามารถทำได้แม้แต่มีดศิลาอย่างหยาบ ๆ
และวานรก็ไม่เคยเปลี่ยนหรือกลายเป็นคน หากผู้ประหันธ์เรื่องโลดโผนในวรรณคดีเหล่านั้นลอกเลียนแบบคนและสร้างอภินิหารให้กับมัน ซึ่งอภินิหารเหล่านั้น บัดนี้ Homo sapiens ทำได้ล้ำหน้าไปหมดแล้ว และเก่งกว่านั้นอีกด้วย
มาถึงคำว่า Transition อันเป็นระยะการเปลี่ยนในทางผ่านจากสภาพของลิงในรูปแบบดั้งเดิม มาเป็นคนในปัจจุบัน แต่ระยะผ่านนั้น ดั่งที่เองเกลส์ได้กล่าวไว้ว่า ความเปลี่ยนแปลงของคนเกิดขึ้นได้ก็จากแรงงานของคนนี้เองเป็นสำคัญ อาจกล่าวได้ว่า แรงงานสร้างคนขึ้นมาเลยทีเดียว โดยกลับกัน หากปราศจากแรงงาน ลิงพันธุ์ Homo sapiens (จากฟอสซิลที่พบสันนิษฐานว่า กำเนิดเมื่อประมาณ 350,000 ปีมาแล้ว)ก็คงจะไม่พัฒนามาถึงระดับนี้ คงจะอยู่กันเป็นฝูงตามต้นไม้เหมือนลิงอื่น ๆ ต่อไป ดังนั้นแรงงานจึงมีบทบาทสำคัญที่สุดในการเปลี่ยนลิงให้เป็นคน
ด้วยเหตุนี้ ผู้แปลจึงได้ตัดสินใจใช้คำว่า ลิง แทนที่จะเป็นวานรแม้ว่าจะฟังดูหย่อนความฉลาดสักหน่อย แต่ก็ตรงกับความจริงมากกว่า
สำนักพิมพ์ประชาธิปไตยแรงงานขอขอบคุณผู้แปล ธนู อภิวัฒน์ และบริษัทเคล็ดไทย ผู้พิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. ๒๕๒๗
1. Tertiary. ยุคเมื่อประมาณ 70 ล้านปีที่แล้ว- - ผู้แปล
2. Anthropoid Ape เป็นลิงประเภทไม่มีหาง คล้ายคน อันมีชะนี โอรังกุตัน และกอริลลาเป็นต้น ในต้นฉบับภาษาอังกษ เอลเกลส์ใช้คละปนไปกับคำว่า Simian และ Monkey ซึ่งเป็นลิงชนิดมีหาง- - ผู้แปล
3. ต้นฉบับจบลงที่นี่ ข้อความต่อมาเขียนบนกระดาษอีกแผ่นหนึ่งต่างหากพร้อมด้วยหมายเหตุด้วยลายมือต่างออกไปว่า มันเป็นหน้าสุดท้ายของร่างฉบับแรก- - บ.ก.
4. เองเกลส์อ้างถึงวิกฤติเศรษฐกิจในปี 1873-74- -บก.
5. ต้นฉบับขาดหายจากตรงนี้- -บก.